ภาพ : |
งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ สนองนโยบายรัฐบาลที่ใช้เวทีนี้ทำพิธีเปิดโครงการ ยกไทยให้เป็น “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” อย่างเป็นทางการ ค่ายรถโดดรับอย่างเต็มที่ ด้วยการทุ่มงบมหาศาลแสดงศักยภาพอุตสาห กรรมยานยนต์ไทย ลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาทในการจัดบู๊ธ ที่รวมถึงเทคโนโลยีและการเปิดตัวรถใหม่ ยักษ์ใหญ่โตโยต้าทุ่มกว่า 120 ล้านบาท เดมเลอร์ไครสเลอร์เกทับด้วยงบ 60 ล้านบาท ส่วนค่ายรถรายอื่นไม่น้อยหน้า ทุ่มเต็มที่เช่นกัน ผลักดันให้เป็น 1 ใน 6 เวทีใหญ่ของโลกยานยนต์ พร้อมยอดจองรถภายในงานมากกว่า 14,000 คัน และเม็ดเงินสะพัดมากกว่า 20,000 ล้านบาท ทำให้มอเตอร์โชว์เป็นเสมือนจิ๊กซอว์ของยุทธศาสตร์ยานยนต์ หรือดีทรอยต์แห่งเอเชีย การจัดงานแต่ละครั้งเป็นเหมือนการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะจำนวนผู้ชมที่ล้นหลามมากกว่า 1.5 ล้านคนในแต่ละครั้ง และดูเหมือนจะมากขึ้นในทุก ๆ ปี ทำให้เกิดการกระจายรายได้โดยการซื้อรถยนต์ และบริษัทรถยนต์สามารถขายผลิตภัณฑ์ของตนเองได้เช่นกัน โดยปีที่ผ่านมา เม็ดเงินสะพัดมากกว่าหมื่นล้านบาท จากยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในงานประมาณ 12,000 คัน ในปีนี้ยอดจองรถเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 13,982 คัน คาดว่ามีจำนวนเม็ดเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ย่อมแสดงให้เห็นว่ามอเตอร์โชว์คือแรงกระตุ้นเศรษฐกิจชั้นเยี่ยม ที่ผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เคลื่อนตัวได้อย่างสวยหรูและราบรื่นเสมอมา นอกจากจะเป็นเวทีแสดงยานยนต์ของผู้ประกอบการรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งแล้ว ในงานครั้งนี้ยังเป็นประวัติศาสตร์อีกก้าวหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เมื่อผู้จัดงาน บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ประกอบการยานยนต์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันทำพิธีเปิดโครงการ “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” อย่างเป็นทางการ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และประธานพิธีเปิดโครงการดีทรอยต์แห่งเอเชีย เปิดเผยว่า โครงการดีทรอยต์แห่งเอเชียมีความสำคัญในการสนับสนุนพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้สามารถแข่งขันในระดับโลกได้ โดยนโยบายรัฐบาลได้จัดให้อุตสาหกรรมยานยนต์เป็น 1 ใน 5 เป้าหมายหลักของไทย โดยมีเป้าหมายก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 9 ของโลก ในปี 2553 ด้วยเป้าหมายการผลิตมากกว่า 1.8 ล้านคัน ส่งออกไม่น้อยกว่า 40% และมีมูลค่าเพิ่มในประเทศมากกว่า 70% จุดสำคัญของโครงการนี้ อยู่ที่ว่าทำอย่างไรจะสามารถไปถึงเป้าหมายนั้น ด้วยความสำเร็จและเป็นนามธรรมที่ชัดเจนสำหรับทุกฝ่าย นั่นย่อมหมายถึงการร่วมมือกันของทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ในการมีส่วนได้เสียจากการดำเนินโครงการดีทรอยต์แห่งเอเชีย ไม่ใช่เป็นการดำเนินงานแบบต่างคนต่างทำเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา เพื่อให้สามารถไปถึงเป้าหมายการเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชียได้รวดเร็วขึ้น ดร.วัชระ พรรณเชษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ยานยนต์ เปิดเผยว่า การเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชียของไทย จะต้องทำการพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เป็นศูนย์รวมที่สำคัญๆ ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การผลิตยานยนต์ การเป็นศูนย์รวมบุคลากรด้านยานยนต์ ศูนย์รวมอุตสาหกรรมสนับสนุน ศูนย์การส่งออก ศูนย์รวมความรู้และข้อมูลด้านยานยนต์ ศูนย์พัฒนาและวิจัยความก้าวหน้าด้านยานยนต์ และศูนย์รวมธุรกิจยานยนต์ เหตุนี้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ยานยนต์ ที่แต่งตั้งโดยกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อทำหน้าที่วางนโยบาย กำกับและดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผน โดยมีบริษัทผู้ประกอบการยานยนต์เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ จึงได้กำหนดแผนงานสนับสนุนต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้เป็นอันดับ 9 ของโลกในปี 2553 ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนารถยนต์ประเภทใหม่ “อีโคคาร์” หรือรถทางเลือกใหม่ เพื่อเป็นโปรดักต์แชมป์เปี้ยนคู่กับปิกอัพ แผนพัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วนของไทย แผนงานพัฒนาเทคโนโลยีและการมาตรฐาน แผนพัฒนาธุรกิจและการตลาด นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า การจัดแสดงรถยนต์ของโตโยต้าครั้งนี้ยิ่งใหญ่มากๆ ด้วยคอนเซ็ปต์ “One For Everone” ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ที่โตโยต้านำมาใช้ทั่วโลก ดังนั้นจึงจะเห็นรูปแบบการตกแต่งบู๊ธที่ดูพิเศษกว่าทุกปี และที่สำคัญยังได้มีการนำต้นแบบรุ่น PM และรถเพื่อสิ่งแวดล้อมเครื่องยนต์ไฮบริด CS&S มาโชว์ในงาน พร้อมกับเผยโฉมรถยนต์ตระกูลใหม่ “อะแวนซ่า” ของโตโยต้าในงานนี้ด้วย โตโยต้าได้ทุ่มงบจำนวนมากในการจัดแสดงรถยนต์ครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งบู๊ธ การนำรถยนต์ต้น แบบมาโชว์ และค่าจัดแสดงต่างๆ รวมแล้วมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 120 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนมากที่สุดภายในงาน ครั้งนี้ โตโยต้าใช้งบเป็นจำนวนมากเพื่อช่วยยกระดับงานแสดงยานยนต์ให้เทียบเท่ากับนานาชาติ และสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่ผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชีย นายฉัตวิทัย ตันตราภรณ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จี๊ป และมายบัค เปิดเผยว่า เดมเลอร์ไครสเลอร์ให้ความสำคัญกับการจัดงานแสดงรถยนต์ครั้งนี้มาก โดยต้องการผลักดันให้เทียบเท่างานแสดงระดับนานาชาติรายการใหญ่ของโลก และสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการยกระดับไทยก้าวสู่การเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชีย “เดมเลอร์ไครสเลอร์ใช้งบประมาณในการจัดแสดงครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท โดยเดมเลอร์ไครสเลอร์จะยกให้งานบางกอก มอเตอร์โชว์ เป็น 1 ใน 6 รายการใหญ่ของโลก ได้แก่ แฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์, ดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์, ปารีส มอเตอร์โชว์, โตเกียว มอเตอร์โชว์, เจนีวา มอเตอร์โชว์ และมาที่ประเทศไทย คือ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีศักยภาพในระดับนำของโลก” นอกจากสองค่ายรถยักษ์ใหญ่นี้แล้ว แต่ละยี่ห้อต่างก็ลงทุนเพื่อจัดแสดงรถยนต์ครั้งนี้กันเป็นพิเศษ รวมถึงนำรถต้นแบบมาร่วมแสดงคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นมิตซูบิชิ มาสด้า ฮอนด้า บีเอ็มดับเบิลยู จีเอ็ม อีซูซุ ฟอร์ด มาสด้า และเลกซัส หรือบางยี่ห้อก็นำรถที่แสดงเทคโนโลยี รถที่เปิดตัวครั้งแรกมาจัดแสดงกันมากมาย ที่สำคัญแต่ละยี่ห้อต่างทุ่มงบจำนวนหลายสิบล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา เพื่อแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ให้สมกับการเป็นดีทรอยต์แห่งเอเชีย |
วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น